รมว. ธรรมนัส กระชับสัมพันธ์อินเดีย มอบ เลขาธิการ สศก. เปิดงาน Globoil 2024 กระตุ้นส่งออกน้ำมันปาล์ม ช่วยเกษตรกรไทย

ข่าวที่ 6/2567 วันที่ 19 มกราคม 2567
รมว. ธรรมนัส กระชับสัมพันธ์อินเดีย มอบ เลขาธิการ สศก. เปิดงาน Globoil 2024
กระตุ้นส่งออกน้ำมันปาล์ม ช่วยเกษตรกรไทย
 
           ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวเปิดงาน Globoil Asia 2024 & South Asia Agri Summit ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพฯ ซึ่งงานนี้เป็นงานสัมมานาใหญ่ของภูมิภาคเอเชียใต้ จัดโดยสมาคมผู้สกัดน้ำมันพืชแห่งอินเดีย ซึ่งปีนี้ได้มีการจัดขึ้นในประเทศไทย โดยมีผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมและการค้าน้ำมันพืชจากทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 700 คน 
             นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการ สศก. กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตระหนักและเร่งแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตั้งแต่ปลายปี 2565 ราคาน้ำมันปาล์มและปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังจากอินโดนีเซีย ยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม ประกอบกับการขยายตัวของพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ทำให้มีปริมาณผลผลิตน้ำมันปาล์มมากกว่าความต้องการใช้ในประเทศ รวมถึงผลกระทบจากการปรับมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศไทยเป็น ยูโร 5 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ทำให้ปัจจุบันเกิดข้อกำจัดทางเทคนิค ไม่สามารถเพิ่มส่วนผสมไบโอดีเซลเกินกว่า บี7 ได้ ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อผลิตไบโอดีเซลลดลง ตลอดจนข้อตกลงของรัสเซียและยูเครนในการส่งออกน้ำมันดอกทานตะวันที่คลี่คลายลง ล้วนส่งผลกระทบต่อการส่งออกและราคาปาล์มน้ำมันในประเทศ ซึ่งที่ผ่านคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้ร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ผลักดันให้มีการส่งออกน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น โดยมีมาตรการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกอยู่ในระดับที่ไทยสามารถแข่งขันในการส่งออกได้ ส่งผลให้นับตั้งแต่ปี 2565 ประเทศไทยส่งออกน้ำมันปาล์มได้ถึง 1 ล้านตัน และปี 2566 สามารถส่งออกได้มากกว่า 9 แสนตัน (จากเดิมที่ไทยเคยส่งออกน้ำมันปาล์มได้ประมาณ 2 - 3 แสนตัน) 
            นอกจากนี้ ยังมีคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม เพื่อติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บริหารจัดการให้ปริมาณการผลิต การใช้ การส่งออก และปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มอยู่ในระดับที่เหมาะสม และมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ รวมทั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม และจากการคาดการณ์ว่าในปี 2567  ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศลดลง ทำให้มีน้ำมันปาล์มส่วนเกิน ซึ่งควรจะเร่งผลักดันให้มีการส่งออกน้ำมันมากขึ้น
           “การจัดงานดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินมาตรการเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้ค้าน้ำมันพืชของอินเดียที่เป็นตลาดส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของไทย โดยการส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังอินเดีย จะช่วยแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มล้นตลาดในอนาคตและช่วยให้ราคาผลปาล์มทะลายมีแนวโน้มตามราคาตลาดโลกได้ โดยปัจจุบัน ไทยสามารถรักษาระดับราคาผลปาล์มไว้ได้ในช่วง 5 - 6 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการราคาปาล์มทะลายนับจากนี้ มีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากคาดว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันจะออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงเดือน มีนาคม 2567 จึงต้องเตรียมเพิ่มการส่งออกอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันราคาตกต่ำที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้” เลขาธิการ สศก. กล่าว
***********************************
ข่าว  :  ส่วนประชาสัมพันธ์
 ข้อมูล : สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร